หาอะไรก็เจอ...

Google

11.05.2550

ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย

ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย

แน่นอนว่าจะเป็น นศ.รามคำแหงก็ต้องก้าวเข้ามาในรั้วรามคำแหงก่อน ตัวผมเองได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์สอนวิชาช่างอุตสาหกรรมสมัยมัธยมให้ฟังว่า มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่มากกกก เดินแล้วถ้าใครไม่เคยเข้าไปในรามคำแหงมาก่อน รับรองได้ร้องเพลงกระทงหลงทางของไชยา มิตรชัย แน่นอน และ ก็บอกอีกว่า “เข้าง่าย ออกยาก” ประโยคนี้ตอนแรกผมเข้าใจว่า คงเข้าไปแล้วหาทางออกไม่เจอแน่เลย หรือไม่ก็ไม่รู้สายรถที่จะกลับบ้าน หรือไม่ก็เป็นเพราะออกไปไม่ได้รถติด อะไรประมาณนี้ หลายคนเข้ามาเรียนที่รามคำแหงด้วยเหตุผลต่างกัน อาจจะเป็นคุณพ่อแหย่ คุณแม่ยุ เพื่อนยุยง แฟนส่งเสีย...เอ้ย!!! ไม่ใช่ แฟนส่งเสริม ก็ตาม แต่สำหรับผมแล้วมาเรียนที่รามคำแหงแบบไม่ได้ตั้งใจ แบบว่า “บังเอิญประมาณนั้น” คือพอดีตั้งใจจะมาหางานทำ เพื่อส่งเงินไปช่วยครอบครัวที่บ้าน ความจริงได้โควต้าเรียนราชภัฎที่ต่างจังหวัด แต่เพราะ พณฯ ที่ปัจจุบันบอกว่าจะเป็นโซ่ข้อกลางของใครก็ไม่รู้นี่แหละ ทำเอาเงินบาทลอยตัว พ่อเลยส่งให้เรียนไม่ได้ เป็นไงชีวิตเหมือนละครไม๊ล่ะ ก็เลยต้องกลายเป็นบ้านนอกเข้ากรุงเพื่อมาตายเอาดาบหน้าที่กรุงเทพฯ
เข้ามาหางานอยู่เกือบเดือนนึงแถวลาดกระบัง ก็ยังไม่มีใครจ้างคนไหนตกหลุมพลางของผมรับผมเข้าทำงาน อาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตา(ขาวใส)ของผม ไม่เหมาะกับงานโรงงานหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนั้นท้อแท้มาก ขึ้นมากับเพื่อนสามคนเป็นเพื่อนที่รักกันมากกก และก็ได้โควต้าเรียนที่ต่างจังหวัดเหมือนกันหมดทุกคนเลยด้วย และตอนขึ้นมาหางานผมและเพื่อนสัญญากันว่าจะร่วมเป็นร่วมตายไม่ทอดทิ้งกัน คือ ผมกับเพื่อนชอบดูหนังจีนกำลังภายในด้วยกันก็เลยสัญญาน้ำเน่านิดส์นึง ขาดอย่างเดียวที่ไม่ได้กรีดเลือดดื่มร่วมสาบานกันก็เท่านั้น
ผมกับเพื่อนเดินหางานอยู่เกือบเดือน จนเพื่อนผมสองคน บอกว่า “เฮ้ย...กลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนดีป่าว” ทำเอาผมคิดถึงบิดามารดาอันเป็นที่รักยิ่งของผมทันที ทำให้คิดในใจว่าจะกลับดีหรือเปล่าหนอ เงิน ๓,๐๐๐ บาทที่พ่อให้มาพจญภัยในกรุงเทพฯนั้นตอนนี้เหลืออยู่ประมาณไม่ถึงพัน แต่เคราะห์ก็มาซ้ำเติมอีกระหว่างที่เดินหางานอยู่นั้น ทำกระเป๋าสตางค์หาย ในนั้นมีเงินอยู่ประมาณ ๙๐๐ บาท “ทำไงละทีนี้ จะเอาเงินที่ไหนกินข้าว” คิดไม่ออกหัวมันตื้อไปหมด ยิ่งทำให้คิดถึงบ้านขึ้นมาอย่างจับใจ คนรู้จักในกรุงเทพฯก็ไม่มี ขึ้นมาทำไมหนอกรุงเทพฯผู้คนก็ไม่ค่อยจะยิ้มแย้มกัน ตอนนั้นคิดกันกับเพื่อนว่า “นี่พวกเราคิดถูกคิดผิดที่ขึ้นมากรุงเทพฯ”
ผมเองนึกขึ้นมาได้ว่ามีรุ่นพี่ที่เคยบวชเรียนสมัยเป็นสามเณรด้วยกัน พักอยู่แถวบางบอน ผมพยายามค้นเบอร์โทรศัพท์จนเจอคิดว่าคงเป็นที่พึ่งสุดท้าย ถ้าไม่ได้ก็คงกลับไปทำไร่ไถนาที่บ้าน แต่แล้วโชคดียังพอมีเกิดแก่ผมบ้าง พี่เขาบอกผมว่าให้ลองมาหาสมัครงานโรงงานแถวบางบอนดูเผื่อจะได้ รุ่งเช้าผมรีบนั่งรถเมย์สาย ๑๑๕ ไปหา คือต้องไปต่อรถเมย์สาย ๗ ที่หัวลำโพงเพื่อไปบางบอน ระหว่างที่นั่ง ๑๑๕ มานั้น ผมได้ผ่านสถานที่ที่หนึ่งซึ่งผมเป็นคนใส่เสื้อขาวกางเกงสีดำเดินเข้าเดินออกกันเยอะมาก ผู้คนดูวุ่นวาย แล้วรถก็ติดอยู่บริเวณสถานที่แห่งนี้นานมาก ตรงไกล้ๆกับป้ายรถเมย์ผมเห็นกลุ่มคนใส่ชุด นศ. ถือป้ายบริจาค อะไรก็ไม่รู้ บางคนก็เห็นเดินมาทักคนที่กำลังเดินถือหนังสือแล้วทำท่างงๆ กลุ่ม นศ.เหล่านี้ก็พาเดินไปด้วยกัน ทำให้ผมคิดว่าคนกรุงเทพฯก็มีคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และยิ้มง่ายเหมือนกัน
ผมเองอดสงสัยไม่ได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน จึงถามลุงที่นั่งข้างๆ ผมว่า “ที่นี่ที่ไหน ทำไมคนเยอะจัง” ลุงแกบอกกับผมว่า “รามคำแหงไงน้อง ไม่รู้จักเหรอ ช่วงนี้คนเยอะคงรับสมัคร นศ.มั้ง”
ผมก็เลยถึงบางอ้อ ที่แท้ก็คือ “มหาวิทยาลัยรามคำแหง” ที่เราเคยได้ยินชื่อเสียงมานั่นเอง
วันนั้นผมได้พบกับรุ่นพี่แล้วสมัครงานได้แถวบางบอน รุ่งขึ้นผมกะว่าจะชวนเพื่อนร่วมสาบานของผมให้มาสมัครงานที่บางบอนด้วยเชื่อว่าคงได้เหมือนกัน ก็นั่งสาย ๑๑๕ ผ่านรามคำแหงอีกก็ยังเห็นคนขวักไขว่อยู่ไม่ขาดสาย ตอนนั้นผมคิดว่าถ้ามีเงินเราจะเรียนดีหรือเปล่าหนอรามคำแหงเนี่ย ถ้าเกิดเรียนแล้วไม่จบจะทำยังไง ขนาดค่ารถก็ยังต้องยืมพี่เขามาก่อนเงินติดตัวก็ไม่มี ช่วงที่ผมคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ก็ถึงที่หอพักของผมกับเพื่อนแถวลาดกระบัง ผมรีบเปิดประตูเข้าไปเพื่อจะบอกข่าวดีเรื่องงาน..... “แต่....!!! ในห้องมีกระเป๋าเสื้อผ้าของผมวางอยู่แค่ใบเดียว ข้าวของและกระเป๋าของเพื่อนของผมอีกสองคนไม่มี.....!!!! มีแต่จดหมายน้อยฉบับหนึ่งที่ไม่ได้จ่าหน้าและไม่ติดแสตมป์ วางไว้ข้างๆกระเป๋าของผมเขียนเอาไว้ว่า “กูสองคนทนคิดถึงบ้านไม่ไหว หางานนานแล้วแต่ก็ยังไม่ได้งาน กูกลับบ้านก่อนนะ กลับไปเรียนที่บ้านก่อน ขอให้มึงโชคดี....” ผมอ่านแล้วบอกได้คำเดียวครับว่า “เศร้า” สัญญาที่บอกว่าไม่ทิ้งกันก็แค่ในหนังจีนไม่มีจริง ผมนั่งหายเหนื่อยสักพักก็หอบกระเป๋าใบเดียวของผม มาอาศัยอยู่กับพี่แถวบางบอนทันที ถึงไม่ให้ผมอยู่ผมก็จะหน้าด้านอยู่เพราะไม่มีที่ไปแล้ว จะไปเช่าห้องเงินก็ไม่ม
ผมทำงานได้สองสามวันผมก็คิดเรื่องเรียนอีกครั้งว่าจะเรียนที่รามคำแหงดีไหมหนอ จะขอยืมเงินพี่เขาจะให้หรือเปล่าหนอ แต่แล้วผมก็ตัดสินใจขอยืนเงินพี่เขาบอกว่าเงินเดือนออกเดียวใช้คืนให้ แกก็ใจดีให้มา ๒,๐๐๐ บาท ผมรีบมาที่รามคำแหงทันทีเพื่อที่จะสมัครเรียน แต่มันเป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครเรียนนี่สิ ผมมาถึงที่รามคำแหงตอนเช้าซื้อใบสมัคร ๑๐๐ บาท(ไม่รู้ว่าตอนนี้ราคาเท่าไหร่ และตอนนั้นไม่แถมวีซีดี) ผมได้เจอผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามผมว่า “มาสมัครเรียนเหรอ วันนี้วันสุดท้ายแล้วช่วยกรอกใบสมัครให้หรือเปล่า” ตัวผมเองก็ยิ่งไม่รู้อะไรด้วยแล้ว ตอนนั้นงงไปหมด แค่เดินหาตึก สวป. ผมก็เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบแล้ว มีคนช่วยกรอกช่วยแนะนำก็ดีเหมือนกัน ช่วงที่รุ่นพี่เขาแนะนำผมนั้น เขาถามผมว่า “แล้วจะสมัครคณะอะไร” ผมจึงตอบไปด้วยความเบรอๆ ว่า “แล้วผมจะสมัครคณะไหนดีหละพี่ จบแล้วเป็นอะไร” พี่แกอวยพรผมมาทันทีว่า “เอ๊า...!!! นี่ไม่ได้คิดมาจากบ้านหรอกเหรอ ว่าจะเรียนอะไร ตาย....จะจบไหมเนี่ย...ไม่จบแน่เลย...” แล้วพี่แกก็อธิบายให้ผมฟังพักใหญ่ว่าแต่ละคณะเป็นอย่างไรบ้างจบมาแล้วทำงานอะไรได้บ้าง ถ้าจำไม่ผิดพี่คนนี้แกจะบอกว่าแกเรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ แล้วผมก็ถามพี่แกหลายเรื่องถึงจบมาแล้วทำอะไร จนผมมาสะดุดอยู่คำนึงพี่แกบอกว่า “คณะนิติศาสตร์” ถ้าจบแล้วสามารถสอบหน่วยงานราชการได้ทุกหน่วยงาน แต่ถ้าเรียนคณะอื่นจะสอบงานราชการที่เกี่ยวกับกฎหมายไม่ได้” ผมก็เลยคิดได้ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีนะสิ เอา...เอา....!!! พี่ ผมเอาคณะนี้แหละ” พี่แกก็บอกกับผมทันทีว่า “เออดีแล้วที่ตัดสินใจได้ นี่ก็จะหมดเวลาเปิดรับสมัครแล้ว ไม่งั้นเองได้ไปสมัครรอบสองช่วงปลายปีแน่”
และแล้ววันนี้ผมก็ได้สมัครเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว แม้จะยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ตาม และแม้ผมจะเรียนคณะนิติศาสตร์แบบงงๆ แต่ก็ดีใจที่ได้เรียนต่อ พอสมัครเสร็จผมรีบกลับมาหารุ่นพี่ที่ช่วยเหลือผมเมื่อตะกี้ แต่หาไม่เจอ คนมันเดินวุ่นไปหมด กะว่าจะขอบคุณพี่เขาอีกซักครั้ง.....
ประสบการณ์นี้ผมยังจำได้ดีหลายคนมีประสบการณ์ตอนสมัครแตกต่างกันไป หากใครได้อ่านบทความนี้แล้วอยากถ่ายทอดประสบการณ์ของท่านบ้าง ก็เขียนลงมาได้เลยนะครับ วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน เอาไว้ว่างๆ จะมาถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องในรามคำแหงเรื่องอื่นอีกเยอะแยะเลยครับ
ขอบคุณ ทุกท่านที่อ่านบทความครับ

บอก WEB นี้ให้เพื่อน :

รวมข่าวเด่น

ข่าวด่วนประจำวัน

ข่าวอาชญากรรม

ข่าวการเมือง

ข่าวกีฬา

ข่าวบันเทิง

รู้ทันประเทศไทย

ข่าวภูมิภาค